มาตรวัดมวลอากาศ (Mass Air Flow(MAF) Sensors)
มาตรวัดมวลอากาศ(MAF) หรือเซนเซอร์วัดมวลอากาศ ทำหน้าที่เปลี่ยนปริมาณอากาศที่ไหลเข้าเครื่องยนต์เป็นสัญญาณแรงดันไฟฟ้า ระบบ ECU ใช้สัญญาณนี้ในการควบคุมภาระของเครื่องยนต์ ปริมาณน้ำมันที่จะต้องฉีด จังหวะในการจุดระเบิด และเวลาที่จะต้องเปลี่ยนเกียร์ โดยจะติดตั้งอยู่ระหว่างหม้อกรองอากาศและวาล์วปีกผีเสื้อ
ชนิดของมาตรวัดอากาศ
-
มาตรวัดอากาศแบบแผ่นวัด (Flap Air Flow Meter หรือ Vane Air Flow Meter)
-
มาตรวัดอากาศแบบขดลวดความร้อน (Hot Wire Air Flow Meter)
-
มาตรวัดอากาศแบบคาร์มานเวอร์เท็กซ์ (Karman Vortex Air Flow Meter)
มาตรวัดอากาศชนิดนี้มักพบในรถนิสสัน เช่น CA18DET, SR20DET ,RB20DET ,RB25DET , รถโตโยต้า เช่น 1JZ-GTE, รถ Mazda, รถ BMW เป็นต้น มาตรวัดแบบนี้วัดการไหลของอากาศโดยใช้ขดลวดความร้อน(Thermistor) ในขณะที่มีอากาศไหลผ่านมากอุณหภูมิของขดลวดจะลดลง (ความต้านทานลดลง ทำให้กระแสจะไหลผ่านขดลวดมากขึ้น) และเมื่ออากาศไหลผ่านน้อยอุณหภูมิของขดลวดจะเพิ่มขึ้น (ความต้านทานเพิ่มขึ้นทำให้กระแสไหลผ่านขดลวดน้อยลง)
ข้อดีของระบบมาตรวัดการไหลของอากาศแบบใช้ขดลวดความร้อนนี้คือ
- ขอบเขตการวัดปริมาณของอากาศที่ไหลผ่านอยู่ในช่วงที่กว้างกว่า แบบใช้แผ่นวัด ดังนั้นจึงเหมาะกับเครื่องยนต์ที่ติดตั้งเทอร์โบ
- ในสภาพที่อยู่ในระดับสูงกว่าระดับน้ำทะเลความกดดันอากาศสูง มาตรวัดแบบนี้ยังคงทำงานได้ดีไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ปรับชดเชยการจ่ายน้ำมัน ในขณะที่มาตรวัดแบบแผ่น ต้องใช้อุปกรณ์ปรับชดเชยเนื่องจากส่วนผสมน้ำมันเชื้อเพลิงกับอากาศหนาไป
มาตรวัดอากาศแบบใช้ขดลวดความร้อน ยังสามารถแบ่งย่อยลงไปได้อีกดังนี้
- แบบ Full Flow เป็นแบบนี่นิยมใช้ในเครื่องยนต์ 6 สูบ มีอุปกรณ์ทำความสะอาดตัวเองโดยการเผาผลาญสิ่งสกปรกที่ติดอยู่กับขดลวด
- แบบ Bypass Flow เป็นแบบที่นิยมใช้ในเครื่องยนต์ 4 สูบ ไม่มีอุปกรณ์ทำความสะอาดตัวเอง